จากช่างทองสู่เซียนพระ อ๊อด เลี่ยมทอง (ประเสริฐ สระทองซัง) แห่งศูนย์พระเครื่องประเสริฐ
"ประเสริฐ สระทองซัง" หรือฉายาในวงการพระเครื่อง "อ๊อด เลี่ยมทอง" แห่งศูนย์พระเครื่องประเสริฐ
ก่อนจะเข้าสู่วงการพระเครื่องเคย เป็นช่างเลี่ยมทองมาก่อน แม่ให้มาทำงานร้านทองกับคนรู้จักที่กรุงเทพฯ ย่านพรานนก ตั้งแต่ปี 2525 อยู่มา 3 เดือนต่อมาก็เริ่มต้นเป็นช่างเลี่ยม พอปี 2534 เถ้าแก่ใจดีให้โอกาสชีวิตสนับสนุนให้แยกออกมาทำของตัวเองเป็นเอกเทศ แล้วเถ้าแก่ก็ส่งงานให้บ้าง หางานเองบ้าง
"ตอนผมเป็นช่างเลี่ยมพระ เถ้าแก่บอกเสมอให้ระวังพระเครื่องที่ ลูกค้านำมาเลี่ยมมากๆ อย่าให้ชำรุดใดๆ ทั้งสิ้น ครั้งหนึ่งเคยทำพระเค้าหัก ใช้เงินให้เค้าไป 4,000 บาท ถึงทุกวันนี้ผมรู้เลยว่าเงินที่ใช้ให้ไปนั้น เจ้าของพระเครื่องไม่อยากได้หรอก แต่อยากได้พระเครื่องของตัวเองคืนมากกว่า" เซียนพระเครื่องอ๊อดย้อนอดีต
"เมื่อครั้งอยู่ย่านวัดดงมูลเหล็ก พรานนก ซึ่งใกล้กับวัดประดู่ฯ ย่านท่าพระ ได้ยินกิตติศัพท์ของ หลวงปู่โต๊ะ ที่ทุกคนต่างศรัทธา ผมเลยสนใจที่จะศึกษา เนื่องจากเห็นของง่าย สมัยนั้นผมเก็บตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน"
"ตอนหลังที่ผมศรัทธา รู้เลยว่าชอบพระโลหะ โดยเฉพาะเหรียญ ชอบเป็นพิเศษ ยิ่งตอนย้ายมาอยู่ย่านบางขุนเทียน ทำให้ผมชอบพระหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง, หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง เพราะเป็นพระในย่านนั้น"
เซียนอ๊อดบอกเล่าว่า "เริ่มศึกษาพระเครื่องอย่างจริงจังประมาณ ปี 2535 ตอนนั้นเช่าหลวงปู่โต๊ะองค์แรกที่หลักพัน ส่วนพระองค์แรกที่ผมเช่าแพงสุดคือ หลวงพ่อพรหม ก้นระฆัง ราคา 12,000 บาท ปี 2535 ตอนแรกเช่าเก็บสะสมอย่างเดียว ยังไม่รู้จักสังคมตลาดพระเครื่อง เช้าเลี่ยมทอง ตกเย็นเข้าบ้านนอน ไม่รู้จักใคร ในระยะหลังเริ่มมีเพื่อนฝูงมาขอแลกในราคาอัตราที่แพงกว่าซื้อมาก็เลยสนใจ กระทั่งเป็นกลุ่มก้อนกับพรรคพวกมากขึ้น ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในกลุ่มเริ่มเรียนรู้เยอะขึ้น ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้เพราะการที่เรามีคนมาดูพระที่เราเยอะขึ้น บวกกับคุยกันถูกคอเริ่มรู้สึกดี เอนเอียงมาทางสังคมวงการพระเครื่องมากขึ้น"
ต่อมาเริ่มเปิดศูนย์พระครั้งแรกที่พระประแดงในปี 2536 ชื่อศูนย์พระเครื่องประเสริฐ ซึ่งก่อนหน้าตั้งใจเก็บสะสมพระเครื่องไว้มาก แต่ยังไม่ได้เข้าในวงการ ด้วยความที่เป็นช่างทอง สามารถรู้วิธีการสร้างพระเครื่องแต่ละชนิดได้ง่ายกว่าคนอื่น
"ในปี 2538 ย้ายบ้านมาแถวบางบอนก็เปิดร้านที่บ้านด้วย ประมาณปี 2546 เปิดตู้ที่ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เข้าทุกวันอังคารและศุกร์ ผมอยู่ในวงการนี้ได้ก็ด้วยการสนับสนุนของเพื่อนพ้อง" เซียนอ๊อดกล่าว
ส่วนตลาดท่าพระจันทร์ เซียน อ๊อดเข้ามาในปี 2549 ด้วยการสนับสนุนของผู้หลักผู้ใหญ่ ก่อนผันตัวเองเข้าสู่สังคมช่วยงานประกวดพระมากขึ้น ส่วนมากจะเป็นกรรมการอยู่โต๊ะเหรียญ ด้วยมั่นใจว่าเรื่องเหรียญมีความชำนาญมากกว่าประเภทอื่น
เซียนอ๊อดแนะหลักในการศึกษาพระเครื่องที่ว่า "น้องๆ ที่กำลังเริ่ม อย่างแรกต้องรู้ว่าตัวเองชอบพระอะไร ประเภทไหน ต่อมาต้องรู้ว่าพระเครื่องแต่ละองค์แต่ละรุ่นมีวิธีการสร้างอย่างไร อย่างเช่น ถ้าเป็นเหรียญ เป็นเหรียญหล่อ ปั๊มหรือฉีด เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยรู้ทั้งๆ ที่อยู่ในสายงานเลี่ยมทองเลย ผมรู้ว่าการสร้างแต่ละแบบต่างกันอย่างไรบ้าง มาตอนหลังผมตั้งใจทำให้ผมเข้าใจได้ง่ายกว่าคนอื่นมาก"
"สิ่งสำคัญในการอยู่ในวงการพระเครื่องสำหรับ ผม อ่อนน้อมถ่อมตน เน้นอาวุโส ไม่ลืมตัวตน ให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ให้ความร่วมมือกับลูกค้าทุกคนที่เช่าจากผมไป ผมให้เวลา 10 วัน ผมคืนเต็ม"
สำหรับนักนิยมพระเครื่องโดยเฉพาะเหรียญ พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารได้ทุกวันที่ร้านย่านบางบอน เอกชัย ตั้งแต่เวลา 09.00-11.00 น. ที่ห้างพันธุ์ทิพย์ เข้าทุกวันศุกร์ และตลาดพระท่าพระจันทร์ เข้าทุกวัน ตั้งแต่เที่ยงถึง 6 โมงเย็น
มองอย่างเซียน
"ประเสริฐ สระทองซัง" หรือฉายาในวงการพระเครื่อง "อ๊อด เลี่ยมทอง" แห่งศูนย์พระเครื่องประเสริฐ
ก่อนจะเข้าสู่วงการพระเครื่องเคย เป็นช่างเลี่ยมทองมาก่อน แม่ให้มาทำงานร้านทองกับคนรู้จักที่กรุงเทพฯ ย่านพรานนก ตั้งแต่ปี 2525 อยู่มา 3 เดือนต่อมาก็เริ่มต้นเป็นช่างเลี่ยม พอปี 2534 เถ้าแก่ใจดีให้โอกาสชีวิตสนับสนุนให้แยกออกมาทำของตัวเองเป็นเอกเทศ แล้วเถ้าแก่ก็ส่งงานให้บ้าง หางานเองบ้าง
"ตอนผมเป็นช่างเลี่ยมพระ เถ้าแก่บอกเสมอให้ระวังพระเครื่องที่ ลูกค้านำมาเลี่ยมมากๆ อย่าให้ชำรุดใดๆ ทั้งสิ้น ครั้งหนึ่งเคยทำพระเค้าหัก ใช้เงินให้เค้าไป 4,000 บาท ถึงทุกวันนี้ผมรู้เลยว่าเงินที่ใช้ให้ไปนั้น เจ้าของพระเครื่องไม่อยากได้หรอก แต่อยากได้พระเครื่องของตัวเองคืนมากกว่า" เซียนพระเครื่องอ๊อดย้อนอดีต
"เมื่อครั้งอยู่ย่านวัดดงมูลเหล็ก พรานนก ซึ่งใกล้กับวัดประดู่ฯ ย่านท่าพระ ได้ยินกิตติศัพท์ของ หลวงปู่โต๊ะ ที่ทุกคนต่างศรัทธา ผมเลยสนใจที่จะศึกษา เนื่องจากเห็นของง่าย สมัยนั้นผมเก็บตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน"
"ตอนหลังที่ผมศรัทธา รู้เลยว่าชอบพระโลหะ โดยเฉพาะเหรียญ ชอบเป็นพิเศษ ยิ่งตอนย้ายมาอยู่ย่านบางขุนเทียน ทำให้ผมชอบพระหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง, หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง เพราะเป็นพระในย่านนั้น"
เซียนอ๊อดบอกเล่าว่า "เริ่มศึกษาพระเครื่องอย่างจริงจังประมาณ ปี 2535 ตอนนั้นเช่าหลวงปู่โต๊ะองค์แรกที่หลักพัน ส่วนพระองค์แรกที่ผมเช่าแพงสุดคือ หลวงพ่อพรหม ก้นระฆัง ราคา 12,000 บาท ปี 2535 ตอนแรกเช่าเก็บสะสมอย่างเดียว ยังไม่รู้จักสังคมตลาดพระเครื่อง เช้าเลี่ยมทอง ตกเย็นเข้าบ้านนอน ไม่รู้จักใคร ในระยะหลังเริ่มมีเพื่อนฝูงมาขอแลกในราคาอัตราที่แพงกว่าซื้อมาก็เลยสนใจ กระทั่งเป็นกลุ่มก้อนกับพรรคพวกมากขึ้น ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในกลุ่มเริ่มเรียนรู้เยอะขึ้น ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้เพราะการที่เรามีคนมาดูพระที่เราเยอะขึ้น บวกกับคุยกันถูกคอเริ่มรู้สึกดี เอนเอียงมาทางสังคมวงการพระเครื่องมากขึ้น"
ต่อมาเริ่มเปิดศูนย์พระครั้งแรกที่พระประแดงในปี 2536 ชื่อศูนย์พระเครื่องประเสริฐ ซึ่งก่อนหน้าตั้งใจเก็บสะสมพระเครื่องไว้มาก แต่ยังไม่ได้เข้าในวงการ ด้วยความที่เป็นช่างทอง สามารถรู้วิธีการสร้างพระเครื่องแต่ละชนิดได้ง่ายกว่าคนอื่น
"ในปี 2538 ย้ายบ้านมาแถวบางบอนก็เปิดร้านที่บ้านด้วย ประมาณปี 2546 เปิดตู้ที่ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เข้าทุกวันอังคารและศุกร์ ผมอยู่ในวงการนี้ได้ก็ด้วยการสนับสนุนของเพื่อนพ้อง" เซียนอ๊อดกล่าว
ส่วนตลาดท่าพระจันทร์ เซียน อ๊อดเข้ามาในปี 2549 ด้วยการสนับสนุนของผู้หลักผู้ใหญ่ ก่อนผันตัวเองเข้าสู่สังคมช่วยงานประกวดพระมากขึ้น ส่วนมากจะเป็นกรรมการอยู่โต๊ะเหรียญ ด้วยมั่นใจว่าเรื่องเหรียญมีความชำนาญมากกว่าประเภทอื่น
เซียนอ๊อดแนะหลักในการศึกษาพระเครื่องที่ว่า "น้องๆ ที่กำลังเริ่ม อย่างแรกต้องรู้ว่าตัวเองชอบพระอะไร ประเภทไหน ต่อมาต้องรู้ว่าพระเครื่องแต่ละองค์แต่ละรุ่นมีวิธีการสร้างอย่างไร อย่างเช่น ถ้าเป็นเหรียญ เป็นเหรียญหล่อ ปั๊มหรือฉีด เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยรู้ทั้งๆ ที่อยู่ในสายงานเลี่ยมทองเลย ผมรู้ว่าการสร้างแต่ละแบบต่างกันอย่างไรบ้าง มาตอนหลังผมตั้งใจทำให้ผมเข้าใจได้ง่ายกว่าคนอื่นมาก"
"สิ่งสำคัญในการอยู่ในวงการพระเครื่องสำหรับ ผม อ่อนน้อมถ่อมตน เน้นอาวุโส ไม่ลืมตัวตน ให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ให้ความร่วมมือกับลูกค้าทุกคนที่เช่าจากผมไป ผมให้เวลา 10 วัน ผมคืนเต็ม"
สำหรับนักนิยมพระเครื่องโดยเฉพาะเหรียญ พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารได้ทุกวันที่ร้านย่านบางบอน เอกชัย ตั้งแต่เวลา 09.00-11.00 น. ที่ห้างพันธุ์ทิพย์ เข้าทุกวันศุกร์ และตลาดพระท่าพระจันทร์ เข้าทุกวัน ตั้งแต่เที่ยงถึง 6 โมงเย็น
มองอย่างเซียน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น